พิพิธภัณฑ์และสถาบันทางวัฒนธรรมใช้ จอแสดงผล LED รูปร่างไม่สม่ำเสมอ เพื่อเชื่อมโยงศิลปะกับเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน โดยสร้างสรรค์นิทรรศการที่ให้ความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และดึงดูดผู้เข้าชมทุกวัย จอแสดงผลเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้เสริมสร้างและไม่บดบังโบราณวัตถุ โดยเพิ่มบริบทที่ช่วยลึกซึ้งในการรับชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอาจใช้หน้าจอ LED ที่มีรูปร่างคล้ายหินหยักเพื่อแสดงภาพเคลื่อนไหวของไดโนเสาร์ควบคู่ไปกับกระดูกฟอสซิล ทำให้สิ่งมีชีวิตยุคก่อนประวัติศาสตร์ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ในขณะที่แกลเลอรี่ศิลปะอาจติดตั้งหน้าจอโค้งด้านหลังภาพวาด เพื่อแสดงกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินผ่านภาพเคลื่อนไหวแบบเร่งเวลา
องค์ประกอบแบบอินเทอร์แอคทีฟช่วยให้การเรียนรู้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น จอแสดงผลที่มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอหลายแบบในพิพิธภัณฑ์สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสหรือการเคลื่อนไหว ทำให้ผู้เข้าชมสามารถสำรวจเนื้อหาต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง นิทรรศการวิทยาศาสตร์อาจมีหน้าจอรูปทรงหกเหลี่ยมที่เมื่อแตะเข้าไปจะอธิบายคุณสมบัติของธาตุต่าง ๆ ในขณะที่นิทรรศการประวัติศาสตร์อาจใช้จอแสดงผลที่มีรูปร่างคล้ายแผนที่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้นิ้วมือลากเส้นทางการค้าขายในยุคโบราณได้ การมีปฏิสัมพันธ์ลักษณะนี้จะช่วยเปลี่ยนการสังเกตแบบพาสซีฟให้กลายเป็นการค้นพบด้วยตนเอง ช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถจดจำข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การออกแบบจอแสดงผลเหล่านี้ให้ความสำคัญกับความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม หน้าจอโดยทั่วไปมักถูกรอบกรอบด้วยวัสดุที่สอดคล้องกับธีมของนิทรรศการ เช่น ขอบไม้สำหรับนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ หรือโลหะที่มีลักษณะทันสมัยสำหรับการจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัย และปรับระดับความสว่างให้เหมาะสมเพื่อป้องกันแสงสะท้อนบนโบราณวัตถุที่อยู่ใกล้เคียง สำหรับนิทรรศการชั่วคราว การใช้จอแอลอีดีที่มีรูปทรงไม่สม่ำเสมอช่วยให้ผู้จัดนิทรรศการสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว อัปเดตเนื้อหาให้สอดคล้องกับธีมใหม่หรืองานวิจัยล่าสุด ด้วยการผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับความเคารพต่ออดีต จอแสดงผลเหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่าพิพิธภัณฑ์จะยังคงความเกี่ยวข้องและน่าสนใจ จุดประกายความอยากรู้อยากเห็นของคนรุ่นต่อไป